Tuesday, March 20, 2007

เทคนิคการหางานทำ

สำหรับท่านที่ได้ผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์ไปแล้ว ก็เปรียบเสมือนนาทีทองของคุณได้จบไปแล้ว ในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยการตัดสินใจจากทางหน่วยงานว่า เขาจะพิจารณาคัดเลือกคุณเข้าทำงานกับเขาหรือไม่

ในช่วงแห่งการนั่งรอคอยนี้ คุณอาจจะอยากทราบว่านายจ้างเขาใช้มาตรการอะไรมาเป็นเครื่องตัดสินว่า ควรจะเลือกใครที่มีความเหมาะสมที่สุดเข้าทำงาน เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงตัวของคุณให้เขากับความต้องการของเขา มากขึ้น หัวข้อประเมินมีดังต่างๆ กัน ดังนี้

แนวทางประเมินผู้สมัครงาน
บริษัทแต่ละแห่งอาจมีวิธีประเมินผู้สมัครงานต่างกันออกไป บางหน่วยงานก็ประเมินผู้สมัครตามหัวข้อสั้นๆ ท่อท้าย แบบฟอร์มการสมัครงาน โดยใช้วิธีให้คะแนนจาก 1 ถึง 10 (ให้ 10 แทนคะแนนความเห็นว่า "ดีเลิศ" และ 1 แทน "ไม่ดี") แต่บางบริษัทก็ให้คะแนนเป็น A B C D E และมีช่องแสดงความคิดเห็นว่าควรจ้างหรือไม่

ในกรณีที่มีผู้สัมภาษณ์หลายคน ก็อาจจะใช้วิธีรวมคะแนนจากผู้สัมภาษณ์ทุกๆ คนในแต่ละหัวข้อเป็นคะแนนรวมของผู้สมัครแต่ละคน เพื่อเปรียบเทียบกับผู้สมัครคนอื่นได้

การประเมินความประทับใจ
นับตั้งแต่พฤติกรรมที่ไม่ใช่คำพูด และพฤติกรรมที่เป็นคำพูดในลักษณะต่างๆ รวมทั้งสิ่งที่ควรหรือไม่ควรพูดในช่วงการสัมภาษณ์ ซึ่งจะถูกสรุปรวมเข้าเป็นลักษณะทางบุคลิกภาพต่างๆ ของคุณดังนั้น เมื่อสังเกตให้ดี คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทุกบทที่เขียนมาตั้งแต่ต้น ได้พยายามเตรียมพร้อมให้คุณเพื่อให้ผ่านการสัมภาษณ์อย่างพร้อมที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านร่างกายหรือจิตใจ ถ้าคุณทำ "การบ้าน" ทุกขั้นตอน คุณจะไม่ประสบความลำบากใจในการถูกประเมินจากผู้สัมภาษณ์เลย

อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่เคยกล่าวไว้แล้วว่า เราคงไม่สามารถรับประกันคุณได้ 100% ว่าถ้าทำตามทุกขั้นตอนแล้วคุณจะได้งาน เพราะมีตัวแปรแทรกซ้อนมาเกี่ยวข้องด้วยมากมายเหลือเกิน ตัวอย่างเช่น อคติจากผู้สัมภาษณ์เองในข้อนี้หมายความว่า คุณต้องเข้าใจว่าผู้สัมภาษณ์ก็ยัง เป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีกิเลศ ตัณหา อุปาทาน ดังนั้น เมื่อเขาเห็นหน้าตาตื่นๆ และวิตกกังวลสูงของคุณ หรือเผอิญดูหน้าตาของคุณแล้วเหมือนศัตรูคู่แค้นเก่าของเขา เขาก็อาจจะเกิดความไม่ประทับใจขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

อย่างนี้ทางจิตวิทยา เรียกว่า Halo Effect คือพอเห็นหน้าใคร เราก็อาจเกิดความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบขึ้นมาได้ โดยที่คนๆ คนนั้นยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เป็นต้น ซึ่งถ้าเขาเกิดรู้สึกไม่ชอบคุณขึ้นมาเช่นนี้ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะตอบอะไรให้มันเลิศลอยสักเพียงใดก็ตาม ถ้าเป็นกรณีนี้ก็ถือเสียว่าเป็นกรรมเก่าก็แล้วกัน และตั้งหน้า ตั้งตาหางานใหม่ต่อไป

สาเหตุอีกประการหนึ่งก็คือ เขามีคนของเขาอยู่เรียบร้อยแล้ว การสัมภาษณ์คุณหรือผู้สมัครคนอื่นๆ เป็นเพียงเกมชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เขาย่อมจะต้องให้คะแนน "เด็ก" ของเขาสูงกว่าคุณยังค่ำ

การไม่ได้งานของคุณทั้ง 2 กรณีที่กล่าวมาแล้ว จึงไม่ใช้เป็นความผิดพลาดอะไรจากตัวคุณเลย แต่เป็นเรื่อง ของ "ฟ้าลิขิต" มากกว่า และคุณก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะ "โวย" อะไรได้ด้วย จัดเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้จริงๆแต่ถ้าการไม่ได้งาน เกิดจากการตกสัมภาษณ์หรือมีสาเหตุมาจากตัวคุณเอง อาจจะหมายความว่า คุณมี ลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมาะสมที่จะรับตำแหน่งนั้นๆ ก็ได้ ในช่วงนี้ จึงอยากขอให้คุณมาพิจารณาดูเหตุผลใน

การตกสัมภาษณ์ที่ผู้รู้ทั้งหลายได้รวบรวมไว้ ดังนี้

เหตุผลที่ตกสัมภาษณ์
1. พฤติกรรมที่ไม่ใช่คำพูด

1. แต่งกายสกปรก ไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมและรกรุงรัง
2. หลุกหลิก ไม่มีสัมมาคารวะ
3. ท่าทางจะยืนนิ่ง ขาดความมั่นใจ วิตกกังวล ลุกลี้ลุกลน
4. ไม่กล้าสบสายตาผู้สัมภาษณ์ มือไม้สั่นไปหมด
5. ดูห่อเหี่ยว เฉื่อยชา ขาดชีวิตจิตใจ เซื่องซึม
6. ระหว่างการสัมภาษณ์ แสดงกิริยาน่ารังเกียจ เช่น ถ่มน้ำลาย สูบบุหรี่จัด
7. วางท่ามากเกินไป หรือดูคล้ายสำรวย เหยียดผู้อื่น ทำให้เกิดความรู้สึกว่าคงจะเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ลำบาก

2. พฤติกรรมที่เป็นคำพูด
1. อ้ำอึ้ง ขาดการเตรียมตัว แม้กระทั่งเรื่องของตัวเองก็ยังเล่าไม่ได้หรือเล่าสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก
2. ต่อปากต่อคำโต้แย้งกับผู้สัมภาษณ์ ขาดเหตุผลและใช้อารมณ์
3. พูดมากไป พูดไม่หยุดเกี่ยวกับตนเอง และโอ้อวดเกินไป
4. ซักถามเรื่องส่วนตัวของผู้สัมภาษณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับงานเลย หรือสนใจถามเกี่ยวกับสวัสดิการมากว่าเรื่องงาน
5. พูดไปหัวเราะไป เส้นตื้นทุกเรื่อง
6. ขาดจุดยืน ใครจะพูดอะไรก็เห็นด้วยกับเขาไปเสียหมด เหมือนเป็นคนไม่มีความคิดริเริ่มของตัวเอง
7. พูดจาไม่สุภาพ ก้าวร้าว ภาษาที่ใช้ไม่เหมาะสม พูดไปสบถไปหรือสลับด้วยการด่าทอเป็นระยะ
8. ตอบคำถามไม่กระจ่าง ไม่ตรงจุด และพูดไม่รู้เรื่อง วกวน
9. เล่าแต่ปัญหาของตนเอง และขอความเห็นใจในลักษณะต่างๆ
10. ขอค่าจ้างแพงลิ่ว
11. พูดคล้ายไม่ให้ความสำคัญในการสัมภาษณ์ งาน ประเภทมาลองดูเล่นๆ
12. ขาดไหวพริบ ปฏิภาณ ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร เช่นไปบอกเขาว่า สมัครที่ไหนก็ตกสัมภาษณ์ทุกที จะมาทำงานเพียงชั่วคราว หรือพ่อบังคับให้มาสมัครงานที่นี่
13. แสดงความคิดเห็นรุนแรง เช่น จะเปลี่ยนหรือต่อต้านระบบเก่าๆ

3. ขาดความรู้ในด้านต่างๆ

1. ขาดความรู้เกี่ยวกับตัวเอง ไม่รู้จุดเด่น ความ สามารถ ฯลฯ เขาถามอะไรก็ตอบไม่ถูก
2. ขาดจุดมุ่งหมายของชีวิตหรืออาชีพ แสดงลักษณะคล้ายปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามยถากรรม
3. ขาดความรู้เกี่ยวกับบริษัท ไม่รู้บริษัททำอะไร หรือต้องการสมัครตำแหน่งใด ปรัชญาหรือจุดยืน ของบริษัทเป็นอย่างไร
4. ขาดความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาวิชาที่ควรรู้ หรือมีความรู้ไม่แน่นพอ เช่น จบบัญชี แต่พอเขาถามเกี่ยวกับบัญชีก็ตอบไม่ถูก
5. ขาดความเป็นผู้ใหญ่ หวั่นไหวง่าย กระทบ อะไรนิดหน่อยก็ไม่ได้ พร้อมที่จะแตกสลายทุกเมื่อ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะรับเหตุการณ์กดดันอะไรจากหน้าที่การงานลำบาก

4. ข้อปลีกย่อยอื่นๆ เช่น
1. นิสัย (ไม่ดี) บางประการ เช่น รักความสนุกสนาน ไม่สู้งาน ชอบเที่ยวมากว่าทำงาน แสดงความเป็นคนฟุ่มเฟือย
2. พื้นฐานของครอบครัว มีปัญหามากกับทางบ้าน
3. ผลการเรียนอ่อนมาก ทำให้อาจมองไปได้ว่าไม่ฉลาด นัก สอนงานคงลำบาก ฯลฯ


หลังจากอ่านจบแล้ว ถ้าคุณมีความรู้สึกหลายข้อเหลือเกิน ก็อย่าเพิ่งท้อใจ ได้บอกแล้วไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า คนเรานั้นไม่มีใครสมบูรณ์ ถ้าคุณมีทุกอย่างครบตามที่กล่าว ถึง ก็คงไม่ต้องมาอ่านหนังสือเล่มนี้การที่รู้ว่าตัวเองมีข้อบกพร่องอยู่นั้น นับเป็นสิ่งที่ดีเพราะคุณจะได้ขวนขวายปรับปรุงตัวเองเสียใหม่เพื่อให้สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม แทบทุกข้อที่ได้กล่าวถึง ล้วนเป็นสิ่งที่คุณ แก้ไขได้เองทั้งสิ้น เช่น

- ถ้าขาดการเตรียมตัว ไม่รู้จักตัวเองหรือหน่วยงาน คุณก็สามารถแก้ไขได้ (ขอให้กลับไปอ่านบทเก่าๆ ที่ผ่านมา)
- กิริยามารยาทตั้งแต่เรื่องภาษา ร่างกาย การ ใช้คำพูดก็ให้ระวังไว้ (โปรดอ่านในเรื่องการเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์)
- ความรู้ด้านเนื้อหาวิชา หรือความรู้รอบตัวก็ควรมีการเตรียมตัว ถ้าไม่รู้ก็ไปขวนขวายหามา ซึ่งไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงคุณไม่ใช่ไหม?
- ถ้าใจจิตใจมีแต่ความประหม่ากลัวจะตอบผิดตอบถูก วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ลองให้เพื่อนหรือใครก็ได้ที่รู้จัก ถามคุณด้วยคำถามที่ให้ในบทสัมภาษณ์ เพื่อให้คุณเกิดความรู้สึกเคยชินกับการสัมภาษณ์มากขึ้น และ เมื่อทำเสร็จแล้วลองให้เขาประเมินคุณดูว่า ในสายตาของเขานั้น คุณ "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" ในข้อใด เมื่อรู้แล้วก็จะได้ปรับปรุงตัวเองในข้อนั้นให้ดียิ่งขึ้นเท่าที่ได้กล่าวมาก็เป็นสิ่งที่คุณได้ทราบแล้วว่า บุคลิก ลักษณะอย่างไรที่นายจ้างเขาไม่พึงปรารถนา และทำให้คุณไม่ผ่านสัมภาษณ์ ต่อไปนี้คุณก็ควรจะรู้บ้างถึงลักษณะของคนประเภทใดที่ทางหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทางราชการ ธุรกิจเอกชนเขาปรารถนา

No comments:

Post a Comment